ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ
มาโฆษณา อีบุ๊ค เฉยๆ...
เป็นนิยายที่เคยเขียนชื่อเรื่องว่า มายาปกรณัม
พอดีลิขสิทธิ์หมดแล้ว เลยเอามาอักขายใน Ook Bee
***ปกนิยายไม่สวยเลย มันอัพใหม่ไม่ได้แล้ว เลยต้องเลยตามเลยค่ะ
บทนำ
แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องสว่างเป็นสีทองตัดผ่านกลุ่มปุยเมฆขาว
ลำแสงส่องลงมาให้เห็นปราสาทสีเงินยวง
ที่ลอยอยู่ท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆเปรียบเสมือน
ดินแดนแห่งเทพนิยายที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ม่านหมอก
บุรุษรูปงามผู้สวมรองเท้ามีปีกบินตัดผ่านก้อนเมฆ
ตรงเข้าไปยังซุ้มโค้งสีทองที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเหมือนกับ
ประตูที่ทอดเข้าสู่ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์
ซึ่งถูกประดับตกแต่งไปด้วยบุปผาชาตินานาพรรณ
ที่สายตามนุษย์มิอาจรับรู้ถึงความงามของมันได้
เหล่ามนุษย์ต่างเรียกขานสถานที่แห่งนี้ว่า เทือกเขาโอลิมปัส
“เราจะปิดประตูมิติระหว่างโลกมนุษย์กับเทพเจ้า”
เสียงมหาราชาแห่งเทือกเขาโอลิมปัสประกาศก้อง
ดังไปทั่วแท่นประชุมที่ล้อมรอบไปด้วยเทพเจ้าทั้งหลาย
เฮอร์มีสที่เพิ่งบินมาถึงร่อนลงพร้อมกับเดินไปนั่งอยู่ตรงกลาง
ระหว่างอพอลโล่กับอะโฟร์ไดต์แล้วจึงมองไปรอบๆ
แท่นประชุมที่มีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลม
ซุสและเฮรา ราชาและราชินีแห่งเหล่าทวยเทพนั่งอยู่ทางด้านหน้า
บนเก้าอี้หินซึ่งตั้งอยู่บนแท่นหินอ่อนยกสูง
ส่วนเทพที่เหลือนั่งอยู่บนเก้าอี้หินล้อมรอบซุสและเฮราเป็นรูปวงรี
อพอลโล่เทพหนุ่มรูปงามที่มีผมสีทองกับนัยต์ตาสีฟ้า
เหมือนน้ำทะเลหันมายิ้มให้เขาทีหนึ่งก่อนหันกลับไปมองยังซุสอีกครั้ง
ราชาแห่งทวยเทพผู้มีรูปร่างเป็นสง่า
ทอดสายตาที่ทั้งน่าเกรงขามและอบอุ่น
ไปทั่วห้องประชุมก่อนที่จะมาหยุดตรงเฮอร์มีสที่เพิ่งมาถึง
“เจ้าไปตามเฮเดสมาแล้วใช่หรือไม่”
ซุสหันมาถามด้วยแววตาอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยอำนาจ
เทพผู้ส่งสารสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความประหม่า
ก่อนจะตอบคำถามให้แก่ราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส
“ท่านเฮเดสทราบแล้ว และคงมาถึงในไม่ช้า”
สิ้นคำพูดของผู้ส่งสารหนุ่ม
เฮรา ราชินีแห่งเหล่าทวยเทพส่งยิ้มเป็นกำลังใจมาให้
แทนคำขอบคุณที่เขาสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี
เทพผู้ส่งสารสะดุ้งอีกครั้งด้วยความประหม่า
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นแต่ก็แฝงไว้ซึ่งอำนาจเช่นเดียวกับซุส
ราชันย์แห่งโอลิมปัสและผู้เป็นยอดรักของเฮรา
เฮอร์มีสเป็นเพียงเทพธรรมดาที่มักหวาดกลัวผู้มีอำนาจอยู่เหนือกว่าเสมอ
เขาไม่รู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่กว่าจะไม่พอใจและสั่งลงโทษเขาเมื่อไหร่
ถึงแม้ซุสและเฮราจะเป็นราชาและราชินีที่โอบอ้อมอารีก็จริง
แต่เวลาโมโหพวกเขาทั้งสองก็น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใดโลก
อะโฟร์ไดต์เทพีแห่งความงามหัวเราะคิก
ให้กับท่าทางอันตื่นตระหนกของเขา
พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มมาให้
จนเฮอร์มีสแทบจะหลงใหล
ถ้าหากไม่ทันไปสะดุดซะก่อนว่าดวงตาอันงดงามของเทพีสาว
ไม่ได้จ้องมองมาที่ตนเลย
แต่กลับจ้องมองไปยังเทพหนุ่มที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในโอลิมปัส
“อพอลโล่”
เฮอร์มีสแอบสบถเบาๆขึ้นมาด้วยความผิดหวังเงียบๆ
ก่อนที่จะสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงดัง ปัง!
ที่ดังขึ้นมาพร้อมกับหมอกควันสีดำที่โผล่ขึ้นมากลางวงประชุม
โดยที่เทพทุกองค์ไม่ทันตั้งตัว
“ขอโทษ ที่เรามาช้า”
เสียงยานคางแต่แฝงไว้ด้วยความแข็งกร้าวดังขึ้น
พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของเทพแห่งโลกันต์
ดวงตาดำสนิทเหมือนนิลจ้องมองไปรอบที่ประชุม
พร้อมส่งรอยยิ้มชั่วร้ายจากริมฝีปากสีแดงสด
ที่เหมือนกับแอปเปิ้ลอาบยาพิษของแม่มด
ที่ยื่นให้หมายจะคร่าชีวิตสโนไวท์เจ้าหญิงผู้น่าสงสาร
คิ้วสีดำสนิทเช่นเดียวกับสีผมยกขึ้นพร้อมกับดวงตาดำมืด
ที่จ้องมองไปยังเทพหนุ่มรูปงาม
ผู้มีความสามารถในการบรรเลงดนตรีได้ไพเราะที่สุดในโอลิมปัส
เหมือนกำลังอ่านความคิดของเขาออก
“แต่ถึงมาช้า ก็ใช่ว่าเราจะไม่รู้อะไรเลย
ซุสกำลังต้องการจะปิดประตูมิติระหว่างโลกมนุษย์และเทพเจ้า”
เฮเดสพูดขึ้นมาพร้อมกับสบสายตาอพอลโล่
ฃที่ทำท่าจะตำหนิติเตียนเขาไว้โดยไม่กระพริบ
เหตุใด คนอย่างเฮเดสจะไม่ล่วงรู้ความคิดของซุส
และเหตุใดคนอย่างเฮเดสจะไม่รู้ว่า
อพอลโล่กำลังจะตำหนิเขาเรื่องที่เขามาช้ากว่าเทพองค์อื่น
“นั่งลงเถอะเฮเดส และเลิกจ้องหลานข้าอย่างนั้นสักที”
โพไซดอน ราชาแห่งท้องทะเลผายมือไปยังเก้าอี้หินข้างๆเขาที่ยังคงว่างอยู่
พร้อมกับปรามเฮเดสที่จ้องมองอพอลโล่ด้วยสายตาประทุษร้ายที่ซ่อนไว้ไม่มิด
เทพทุกองค์ต่างรู้ว่าเฮเดสและอพอลโล่ไม่ได้เป็นมิตรต่อกันเท่าไหร่นัก
หากจะว่าไปตามความจริง
เฮเดสต่างหากที่ไม่เคยเป็นมิตรกับใครเลย
สายตาดำสนิทที่ไร้ความรู้สึกเป็นเหมือนประตูที่ปิดกั้น
และบอกว่าเขาไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจใครทั้งสิ้นนอกจากตัวเขาเองเท่านั้น
เฮเดสยิ้มเยาะให้เจ้าแห่งท้องทะเลก่อนจะค่อย ๆ
เดินอย่างเชื่องช้าเหมือนคนแก่งุ่มง่ามไปนั่งลงข้าง ๆ โพไซดอน
เพื่อมีจุดประสงค์จะล้อเลียนว่า
โพไซดอนนั้นมีอายุมากกว่าเขาขนาดไหน
โพไซดอนส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจ
แต่ก็ไม่อยากจะถือสาอะไรกับเทพผู้ไม่เจียมตัวและโอหังอย่างเฮเดส
“อาร์เทมิส ยังไม่กลับจากตำหนักดวงจันทร์อีกเหรอ
ที่เรามานี่เพราะหวังว่าจะได้พบนางผู้งามดั่งดวงจันทรา
แต่เราคงต้องผิดหวังสินะ” ไม่ทันที่เทพองค์อื่นจะทันได้หายใจอย่างทั่วท้อง
เฮเดสก็หาเรื่องอพอลโล่ขึ้นมาอีก
สายตายียวนอย่างจงใจจะยั่วโทสะเทพหนุ่ม
จ้องมองไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่าข้างกายอพอลโล่
พร้อมกับทำสีหน้าเสียดายอย่างสุดซึ้ง
อพอลโล่มองหน้าเฮเดสด้วยความไม่พอใจ
แม้เขาจะรู้ว่าเฮเดสตั้งใจจะยั่วอารมณ์
ทำลายความอดทนของเขาเพื่อความสนุกสนานของตัวเอง
ที่เห็นคนอื่นมีโทสะ แต่อพอลโล่ก็ไม่อาจระงับความไม่พอใจของตนไว้ได้
ใครๆก็รู้ว่าเขานั้นรักและหวง อาร์เทมิส
น้องสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขาแค่ไหน
“ไม่ใช่กงการอะไรของท่านที่จะต้องมาถามเรื่องราวของน้องสาวข้า เฮเดส”
อพอลโล่ตอบกลับเสียงแข็งด้วยความขุ่นเคือง
ที่เฮเดสเอาเรื่องน้องสาวเขามาล้อเล่นเพื่อยั่วโทสะตน
และสร้างความสนุกสนานให้ตัวเองรวมทั้งโมโหตัวเอง
ที่ยอมตกหลุมพรางของเฮเดสอย่างง่ายดายทั้ง ๆ
ที่รู้อยู่แล้วว่าเทพแห่งนรกทำแบบนี้เพื่อกวนอารมณ์เขา
“อาร์เทมิสเป็นหญิงงาม และนานๆที
ข้าถึงจะได้ถูกเชิญขึ้นมาบนวิมานแห่งนี้
การอยู่ใต้ผืนพิภพท่ามกลางความมืด
และเหล่าสัตว์นรกที่ร้องโหยหวนเป็นสิ่งที่น่าหดหู่
น่าเสียดายจริงที่ไม่ได้เจอน้องสาวของเจ้า
เทพีผู้เป็นดั่งแสงสว่างที่โอบอ้อมค่ำคืนที่มืดสนิทด้วยความอบอุ่น
หากได้มาอยู่เคียงข้างสักคืนคงจะดีไม่น้อย”
เทพทุกองค์สะดุ้งเฮือกกับคำพูดที่ลามปามเกินไปของเฮเดส
แม้แต่ซุสยังต้องส่งสายตาตำหนิมาที่เขา
เฮราส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
ส่วนเฮอร์มีสที่นั่งอยู่ข้างๆอพอลโล่ได้แต่ทำตัวสั่นงกๆ
เพราะไม่รู้ว่าอพอลโล่กับเฮเดสจะฟาดฟันกันเมื่อไหร่
เขาไม่ชอบการต่อสู้และการใช้กำลัง
แต่เฮเดสไม่ได้สนใจสายตาของใครๆ
เขายังคงพูดพร้อมกับหัวเราะ
เขารู้อยู่เต็มอกว่าอพอลโล่ขุ่นเคืองแค่ไหน
ที่ต้องยอมตกหลุมพรางของเขาเพื่อปกป้องน้องสาวของตัวเอง
และรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถทำให้เทพอย่างอพอลโล่รู้สึกหงุดหงิดได้
เพราะไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เทพที่เก่งกาจ
อย่างอพอลโล่จะขุ่นเคืองได้ถึงเพียงนี้
ในบรรดาเทพทั้งหมด ถ้าไม่นับซุสและโพไซดอนซึ่งเป็นพี่น้อง
ที่พอจะสามารถประชันฝีมือกับเขา
ก็มีเพียงอพอลโล่อีกคนที่เฮเดสอยากลองประชันด้วยสักครั้ง
หลานชายผู้มีอำนาจเหนือบรรดาเหล่าเทพทั่วไป
สายตาของอพอลโล่ลุกเป็นไฟ
เมื่อสิ้นประโยคของเฮเดส
เทพแห่งความชั่วร้ายผู้นี้ใช้วาจาล่วงเกินเขาและน้องสาวมากเกิน
จนเขาไม่สามารถระงับโทสะที่ตนมีได้อีก
อพอลโล่ชักคันธนูที่เคลือบด้วยสีทองเงาวับขึ้นมา
พร้อมกับหยิบศรแล้วเล็งหัวลูกศรสว่างวับไปที่หัวใจของเฮเดส
เฮเดสแสยะยิ้ม จ้องมองหัวลูกศรสีทองที่เล็งมายังหัวใจเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“โธ่...ใจเย็นๆสิพ่อหนุ่มน้อยเลือดร้อน”
ดวงตาสีดำเบิกโตพร้อมกับริมฝีปากที่เผยอขึ้นน้อยๆ
ที่ใครก็ดูออกว่าเขาแกล้งทำเป็นหวาดกลัว
++++++
อัพตัวอย่างไว้ให้ 2 ตอน
ถ้าใส่ในนี้หมดจะยาวเกินไป
ถ้าใครอ่านแล้วชอบ
สามารถซื้ออ่านทั้งเล่มเป็น E-book ที่นี่ คลิก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น