[เทคนิคการเขียน...เหรอ?] กำแพงที่มองไม่เห็น...


Good Morning !!! ทำไมทักแบบนี้...

มันนึกถึงคำนี้ได้แค่นั้นเองค่ะ ฮ่า ฮ่า...ทั้งๆที่ตอนนี้มันเย็นแล้ว...

ห่างหายจากไปนาน (มั้ง)
อาจจะไม่นาน แต่ทำไม่หลิวรู้สึกว่านาน...
อาจจะเพราะ หลิวไม่มีไอเดียจะเขียนอะไรมากกว่า..
ช่วงที่ผ่านมาป่วย หัวเลยตื้อ คิดอะไรไม่ออก
จนอยู่ดีดี ก็เกิด อะไรบางอย่างขึ้นมา
เมื่อเพื่อนคนหนึ่งมาทักว่า " หลิว..เราอยากเขียนหนังสือ"....


...................
นี่คือเรื่องเล่าจากประสบการณ์
จากประสบการณ์ส่วนตัว ไม่กล้าการันตีตัวเองว่า "เขียน" ดีขนาดไหนนะคะ...
เพราะสิ่งเหล่านี้ คนตอบได้ คือผู้อ่าน ไม่ใช่หลิว
ขอเป็นแค่ พวกเขียนได้ก็พอ...
ถามว่าเทคนิคทางการเขียนที่ง่ายที่สุดคืออะไรรู้มั้ย
"เขียน"
มีอยู่แค่นี้แหละ ข้อเดียวในชีวิตหลิว 

สำหรับผู้เริ่มต้น 
ก็แค่เขียน ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก อยากเขียนอะไรก็เขียน อยากเล่าอะไรก็เล่า
(แม้แต่การเขียนด่าคนก็ตาม)
แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่
งานเขียนของเรา มันถูกเผยแพร่ออกมาหรือเปล่า...
ถ้ามันเป็นไดอารี่ เขียนคนเดียว อ่านคนเดียว จะเขียนอะไร จะว่าใคร 
มันก็เป็นสิทธิของเรา ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับใคร
แต่ถ้าเขียน บนพื้นที่สาธารณะ อาจจะต้องเขียนอย่างมี "สติ" นิดนึง
ไม่ต้องห่วงสังคม ไม่ต้องคิดถึงผลกระทบกับคนอื่นหรอก (อาจจะเป็นคำแนะนำที่ไม่ดีเท่าไหร่ กรุณาใช้วิจารณาญาณในการอ่านเน้ออออ)
ถ้าคุณยังแค่เริ่มหัดเขียนนะคะ
หลิวอยากให้นึกถึงตัวเองมากกว่าค่ะ หากเราเขียนอะไรออกไปแบบไม่มีสติ แล้วมันทำร้ายตัวเอง
ทำให้คนอื่นมองเราไม่ดี...คนเสียมันก็มีแค่ตัวเรา...
.................................................
ทีนี้ก็ถึงเวลาเริ่มเขียน...
เวลาที่มีใครสักคนมาขอคำแนะนำจากหลิวว่า
"อยากเขียนหนังสือ ทำยังไงดี"
หลิวมักจะบอกคำเดียวเสมอเลย "ก็เขียนสิ"
แต่น้อยคนมาก ที่สุดท้ายจะทำตามคำแนะนำนี้....
มีเหตุผลมากมาย ที่ทำให้หลายๆ คนยังไม่เริ่มเขียนสักที
........
เหตุผลเหล่านั้น คือ
ฉันยังไม่พร้อม...
ถ้ามีเหตุผลตรงนี้ คำถามที่คุณต้องถามตัวเอง มีดังนี้ค่ะ
"ที่ไม่พร้อม เพราะอะไร"
ไม่พร้อม เพราะไม่ว่าง ... โอเค ถ้าไม่ว่างก็รอว่างก่อนค่อยทำ
ไม่พร้อม เพราะขี้เกียจ... โอเค ถ้าขี้เกียจอยู่ก็รอขยันก่อน
ที่พูดมาไม่ได้ประชดนะคะ แต่พูดเรื่องจริง...
การที่เราจะเขียนอะไรสักอย่าง...เราต้องมีความรู้สึก "อยาก" ก่อน
มันถึงจะได้ผลงานที่ดี และเรามีความสุขไปกับมัน
แต่ถ้าไม่รู้สึก "อยาก" ทำไปแล้วไม่มีความสุข ก็ไม่ต้องไปฝืนมันค่ะ
รอเรา "อยากก่อน"

แต่ถ้า ไม่พร้อม เพราะอะไรก็ตาม ที่มันเป็นแค่ข้ออ้าง...
เพราะจริงๆ แล้ว คุณแค่ "กลัว" และ "ไม่กล้าทำ"
หรือมองว่า คุณยังไม่มีความสามารถมากพอ
กลัวเขียนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
จงหยุดคิดแบบนั้นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ

..........................
จริงๆ หลิวก็แปลกใจนะว่า นี่เรามาถึงหยุดที่ "กลัว" ที่จะเขียน
หรือ "ไม่กล้า" ที่จะเขียนด้วยเหรอ 
หรือจุดที่ "การเขียน" มีการประสบความสำเร็จด้วยเหรอ...
...............................
ความรู้สึกของคนที่ได้เขียนอะไรสักอย่าง..ก็คือ 
เราประสบความสำเร็จทุกครั้ง ที่เราเขียนเสร็จ แม้จะมีแค่สามบรรทัด 
หรือแค่ประโยคเดียวก็ตาม 
และความชื่นชอบของผู้อ่านที่มีกับงานเขียนของเรา 
คือ รางวัล และ กำไรจากการประสบความสำเร็จ
แค่นั้นเอง สำหรับหลิว...
คุณต้องกลับไปถามตัวเองว่า
แท้จริงแล้ว คุณอยากเขียน เพราะอยากเขียน...
หรืออยากเขียน...เพราะจุดประสงค์อื่นๆ
.............................
และนั่นคือ "กำแพงที่มองไม่เห็น"
คุณต้องมองมันให้เห็นว่าคุณเขียนมันเพราะอะไร
เพราะถ้าคุณมองไม่เห็น คุณจะไม่รู้เลยว่าอะไรมันกำลังปิดกั้นคุณอยู่
หาให้เจอ ว่ามันคืออะไร แล้วจะได้รู้ว่า เราจะเดินไปทิศทางไหน
.....
ถ้าคุณอยากเขียนเพราะอยากมีเงิน ใช้ชีวิต slow Life 
คุณต้องรู้ว่า คุณจะเขียนยังไง ให้โดนใจผู้คน ให้อยู่ในกระแส ให้ผู้คนสนใจ...
มันต้องเป็นงานแนว content marketing มั้ย How to มั้ย 
ยุคสมัยนี้งานเขียนแนวไหนกำลังฮิต
ซึ่งตรงนี้มีคนสอนคุณมากมายเลยค่ะ สามารถหาได้เยอะแยะในยุคที่กำลังเฟื่องฟูยุคนี้...
แต่หลิวจะบอกว่า..การเขียนที่หลิวมาเล่า จะไม่ใช่ทางนี้นะคะ...
.......
เพราะหลิวโตมากับ การเขียน เพราะอยากเขียน ...
ถ้าอยากรู้ว่าเขียนยังไงให้มีความสุข...เขียนแล้วแฮปปี้...
การเขียนช่วยพัฒนาความคิดความอ่านของเรายังไง...
จนสุดท้าย...เรามี "ตัวตน" ของเราอยู่ในงานเขียนเรายังไง..
อันนั้นจะมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ค่ะ..เพราะหลิวมาสายนี้แหละ
"สายตามใจฉัน"
อยากเขียนเพราะชอบเขียน แต่ต้องเขียนอย่างมีสติ...

......
เอาล่ะค่ะ พูดมานาน..สุดท้าย ถ้าใครคิดว่าสายเดียวกับหลิว..
ก็เริ่มเลย วิธีการแรกและวิธีการเดียว "เขียน"

ถ้าอยากแบ่งปันให้หลิวอ่าน หรือมีคำถามอยากถาม 
"ถ้าไว้ใจในคำแนะนำและคำตอบของหลิว..อิอิ"
ก็ แปะลิ้งบทความไว้ใน comment ข้างล่างได้นะคะ

สุดท้าย...หลิวไม่ใช่นักเขียนที่ดีที่จะเป็นตัวอย่างให้ใครได้..
แต่เป็น "นักเขียนที่เอาแต่เขียน" คนหนึ่ง ที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ตัวเอง..
เผื่อจะมีประโยชน์สำหรับผู้อื่นบ้างน่ะค่ะ...

เพราะกว่าจะมีวันนี้ ก็เพราะเรียนรู้จากคนอื่นมาเหมือนกัน...
ทุกๆคน ในโลกใบนี้คือครูของหลิว....หลิวคิดแบบนั้นนะ
เพราะถ้าไม่มีผู้คน หลิวก็คงไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย

เสียดาย คนตายไม่ได้เล่า 10 : ตัวตายตัวแทน



นี่จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่เล่านะคะ...

ส่วนเรื่องทำแท้ง...ไม่สามารถเขียนออกมาเป็นเรื่องเล่าได้...

เพราะว่าเป็นเรื่องราวที่มีคนอื่นเกี่ยวข้อง...

และไม่อยากให้คนนั้นต้องได้รับความเสียหายค่ะ...


------------

เรื่องของตัวตายตัวแทนที่หลิวเล่า...อาจจะไม่เหมือนคนอื่น
หรืออาจจะไม่มีใครเคยได้ยินมา
จริงๆ หลิวก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าตัวแทนตัวตายได้มั้ย


เอาเป็นว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนหลิวอายุ 15 

มีหลายๆครั้ง ที่คนจะบอกว่า หลิวเป็นคนดวงแข็งมาก
 เกิดวันเสาร์ เดือนสิงหา ปีมะเส็ง

พูดตรงๆ ตั้งแต่เกิดมาหลิวไม่เคยประสบอุบัติเหตุอะไรแรงๆเลยค่ะ
หัวแตกยังไม่เคยเลย
เวลาจะไปไหน มักจะมีเหตุการณ์มา...ให้ไม่ได้ไปตลอด..

แต่ก็มีคนทักเหมือนกันว่า จะมีบางช่วงที่จะมีปัญหาจริงๆ 
คือตอนอายุ 15 และเบญจเพศ

ตอนนั้น หลิวจำได้ว่ามีทั้งพระและหมอดูที่ทักเรื่องนี้
แนะนำให้ไปนุ่งขาวห่มขาว ช่วงนั้น

แต่ไม่ค่อยเชื่อค่ะ...
เลยอยู่ปกติ

จนวันหนึ่ง จำได้เลย คืนวันเกิดพอดี...
หลิวฝันค่ะ
ฝันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาที่หน้าบ้าน...
แล้วชวนออกไปข้างนอก บอกว่าจะพาไปเที่ยว
มีงานวัด

เราก็เดินตามไปค่ะ เพราะอยากไปเที่ยว
แถวบ้านหลิวจะค่อนข้างเงียบ
เพราะอยู่นอกเมือง...
รอบข้างจะเป็นทุ่งนา และมีคลอง 
รอบข้างจะเป็นที่ดินเปล่าๆ เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครมาซื้อที่แถวนี้ค่ะ
แต่จะมีหมู่บ้านตำรวจอยู่ข้างหลัง ติดกันเลย

หลิวก็เดินตามผู้หญิงคนนั้นไป ผู้หญิงคนนั้นไม่หันมามองเลยค่ะ
เดินผ่านที่ดินรกร้าง ที่ยังไม่มีบ้านไปจนถึงคลองเลย

แต่พอไปถึงที่ที่ผู้หญิงคนนั้นบอก
มันกลับไม่มีงานวัดค่ะ
เป็นที่ดินเปล่าๆ ที่ข้างหน้าเป็นคลองชลประทาน

ที่นี้หลิวเลยสงสัยค่ะ เลยไม่ตามไปใกล้ๆ
เค้าบอกว่าให้มาใกล้กว่านี้อีกหน่อย ...ซึ่งใกล้คลองมาก

แต่หลิวเป็นคนกลัวน้ำ เพราะเคยจมน้ำและว่ายน้ำไม่เป็น 
หลิวเลยไม่กล้าเข้าไปใกล้ค่ะ
พอไม่เข้าไป ผู้หญิงคนนั้นก็โกรธและขึ้นเสียง
พูดว่า บอกให้มาก็ไม่มา...

ซึ่งตอนนั้นหลิวคิดว่าไม่ใช่แล้ว เลยวิ่งหนีค่ะ
เค้าก็วิ่งตามมา บอกไม่ให้ไป เค้าจะจับเรา
 หลิววิ่งกลับไปที่บ้าน แต่ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครช่วย
หลิวเลยวิ่งไปบ้านน้องหลังบ้านที่สนิทกันค่ะ

พอวิ่งไปถึง...ก็รีบตะโกนเรียกให้เค้าช่วย
แล้วก็มีเจ้าที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งสวยมาก ใส่ชุดขาวรีบมาพาเราไป
เขากอดหลิวไว้เลยค่ะ บอกว่าไม่ต้องกลัว ผีเข้าไม่ได้ 
เค้าเอาไปไม่ได้แล้ว พูดแบบนี้เลยค่ะ
แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะให้คุณอาไปไล่ให้ ก็เห็นผู้ชายอีกคนหนึ่งค่ะ
เดินออกไปที่หน้าบ้าน ไปไล่ผีนั้น จนผีนั้นกลับไปค่ะ

แล้วเค้าก็พาเรามาส่งที่บ้าน

แล้วก็ตื่นนอนค่ะ เหงื่อเต็มตัวเลย...
ยอมรับเลยว่าตอนนั้นกลัวมาก ถ้าไม่มีเจ้าที่ที่ช่วยไม่รู้จะเป็นยังไง
เค้าจะเอาเราไปทำอะไร...
ความรู้สึกเหมือนกับไม่รอดแน่นอน จากสัญชาติญาณ

........

เพื่อความแน่ใจ วันต่อมาเลยไปแอบถามน้องเค้าค่ะ
ว่าเคยเห็นเจ้าที่มั้ย เป็นแบบไหน
น้องบอกแม่เค้าเคยเห็น แล้วเจ้าที่ที่แม่เค้าเล่า
ให้ฟังเป็นเหมือนกับเจ้าที่สองคนที่หลิวเจอเลยค่ะ
ทั้งๆที่หลิวไม่ได้เล่าอะไรให้เค้าฟังเลย

เลยรู้ว่าเรารอดมาได้เพราะเค้า

-----

หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์อีกหลายอย่างที่มีคนคอยช่วย

เพราะเคยมีครั้งหนึ่ง ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ช่วงหัวค่ำ
แล้วมองไปข้างหน้า เห็นผู้ชายใส่ชุดขาว 
โบกมือเหมือนกับว่า ให้เราขยับออกจากตรงนั้น
หลิวก็ขยับตาม แวบเดียวงูตกลงมาที่หลิวยืนอยู่เมื่อกี้เลยค่ะ

ถ้าไม่เดินหนีตามทางที่เค้าบอก คงตกใส่หลิวไปแล้ว

-------

หลิวเคยเอาเรื่องพวกนี้ไปถามพี่คนนึง
พี่เค้าบอกว่า จริงๆแล้ว เทวดา เจ้าที่ หรือวิญญาณที่มาช่วยเรา
เค้าจะช่วยได้ก็ต่อเมื่อเราไม่มีเคราระห์กรรมที่จะต้องเจอเหตุการณ์เหล่านั้น
แต่ถ้าหากว่าเรามีกรรมที่ต้องเจอ ไม่ว่าใครก็ช่วยไม่ได้ แม้แต่ตัวเราเองค่ะ