ในที่สุดก็ได้เรื่องใหม่เขียนสักทีค่ะ
ตามคำสั่งเพื่อนสาวสุดเลิฟ
"แกไปเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในมุมมองของสตรีนิยมมานะ"
เราก็ตอบตกลงไป และมานั่งจึ๋งกลั่นกรองสมองสักพัก
โดยเหตุผลส่วนตัว จริงๆแล้ว หลิวจะไม่ค่อยเขียนอะไรในมุมมองสตรีนิยมสักเท่าไหร่ค่ะ
หรือ หลีกเลี่ยงที่จะเขียน
เหตุผลมีข้อเดียว คือ หลิวเป็นพวกสตรีนิยม
เลยไม่อยากเขียนงานเกี่ยวกับสตินิยม เพราะกลัวว่า บางทีเราจะใช้อารมณ์มากเกินไป
ใส่อารมณ์ กลายเป็นงานระบายความเก็บกดจากระบบปิตาธิปไตยที่กดขี่สตรีแทน
ส่วนใหญ่ถ้าหลิวจะเขียนแนวระบายความรันทดของชีวิต หลิวจะเขียนแนวสัญลักษณ์มากกว่าค่ะ
แต่ไหนๆก็ไหนๆ
บล็อกนี้มีไว้สนองตัณหาของตัวเองล้วนๆ ก็ขอสนองมันเลยแล้วกันเนอะ
snow white and the huntsman : สตรีไร้อำนาจที่ถูกกดขี่
ที่ใช้หัวข้อนี้ เพราะเรื่องนี้ สตรีไร้อำนาจจริงๆ ไม่มีอำนาจเลย แถมยังถูกกดขี่อีก ช่างน่าเศร้า
หลายๆคนอาจมองว่า สตรีในเรื่องนี้มีอำนาจนะ
เพราะบทบาทที่สตรีในเรื่องนี้มี คือ ความเป็นผู้นำ
ไม่ว่าจะเป็นตัวร้าย ราชินีเอง หรือเจ้าหญิงสโนไวท์ที่นำทัพออกรบเพื่อมาแย่งบัลลังค์คืน
ไม่ได้ไร้อำนาจเลย
ทุกคนมีอำนาจอยู่ในมือ แต่คำถามคือ อำนาจของสตรีในเรื่องนี้อยู่ตรงไหน
เริ่มจาก ตัวราชินีเอง อำนาจของเธออยู่ตรงไหน
หากมองอย่างผิวเผิน เราจะเห็นว่าเธอเป็นราชินี อำนาจของเธอคือการเป็นเจ้าของเมือง มีข้าทาสบริวาร
เมืองที่เหี่ยวเฉา แร้นแค้น และมีแต่ความตาย นี่หรือคืออำนาจ
เมื่อราชินีขึ้นครอง เมืองที่เคยมั่งคั่งและยิ่งใหญ่ กลับกลายเป็นเมืองที่แร้นแค้น
ดังนั้น เมืองจึงไม่ใช่ส่วนที่เสริมอำนาจอะไรของเธอเลย เธอมีเพียงความสุขสบาย
จากการเอาเปรียบประชาชนของเธอเท่านั้นเอง เธอหาความสุข และเลือกให้คนอื่นลำบากแทน
และเธอไม่เคยได้รับความภักดีจากใคร เราจึงมองไม่เห็นอำนาจของเธอในส่วนนี้เลย
แล้วเธอถูกกดขี่ตรงไหนล่ะ
เรื่องนี้มองได้ง่ายมากเลยค่ะ
ในส่วนหนึ่ง เราอาจมองว่า เจ้าหล่อนนั่นแหละที่กดขี่ประชาชน ไม่ใช่ตัวนังราชินีที่โดนกดขี่
แต่เมื่อเรามองให้ลึกกว่านั้น เราจะเห็นว่า อำนาจที่ราชินีมี และได้มา มันมาจากความสวยของเธอ
ความสวยที่มันมีวันโรยรา และไม่ได้ยืนยาวเลย
โชคดีที่เธอมีเวทมนตร์ เธอจึงยังคงรักษามันไว้ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องยากลำบากเหลือเกิน
มองตรงนี้ เราจะเห็นว่า ราชินีนั้นน่าสงสารมาก (จะว่าไปเธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงบางส่วนในสมัยนี้สักเท่าไหร่)
เหตุใด คุณค่าของเธอจึงมีแค่ความสวย เปลือกนอกที่พร้อมจะโรยรายลงไปทุกวัน
และเมื่อวันหนึ่งที่มันหมดสิ้น เธอจะเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ค่า
ความสวยของเธอกลายเป็นเครื่องมือในสร้างอำนาจ แต่ถ้าโลกนี้ไม่มีผู้ชาย ความสวยก็ไร้ความหมาย
และเธอคงเอาความสวยมาใช้ประโยชน์ไม่ได้เช่นกัน
แค่นี้ก็พอจะเห็นแล้วใช่มั้ยคะว่า ใครกันแน่ที่มีอำนาจ ใครกันแน่คือผู้ยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้
พระราชา พ่อของสโนไวท์ค่ะ ผู้หยิบยื่นอำนาจให้ และเป็นผู้ที่ตายเพราะความงามของราชินีด้วย
ราชินีใช้ความงามเป็นเครื่องมือ ในขณะที่พระราชาผู้โง่เขลาพ่ายแพ้ต่อความงาม
หากเรื่องนี้มีความยุติธรรมสักหน่อย คนรับกรรมไม่น่าจะเป็นสโนไวท์เลย
ในขณะที่พระราชาโดนแทงและตายไป
คนต่อไปที่ต้องมารับกรรมแทนคือ สโนไวท์ ลูกสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไร
ชายทำพัง แต่สตรีแก้ไข
มองในมุมมองของสตรีนิยม
เจ้าหญิงสโนไวท์ค่อนข้างน่าสงสารมากเลยทีเดียว
หน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องมาชดใช้แทน
มองในมุมมองปกติ เราอาจมองเห็นว่า เธอโชคร้ายเพราะความชั่วของราชินีต่างหาก
ราชินีสั่งขังเธอนะ
แต่เรามองแบบสตรีนิยม
มองตั้งแต่ตัวราชินี ความกดดันทางสังคม และสังคมแบบปิตาธิปไตยที่กีดกันให้ผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องสนองตัณหา สังคมที่มองว่าคุณค่าของสตรีเป็นเพียงเครื่องประดับ
ทำให้สิ่งสุดท้ายที่แม่มอบไว้ให้เธอ คือ "ความงาม"
จงใช้ความสวย เพื่อแก้แค้นแทนพวกเรา(ชนชั้นล่างที่ถูกกดขี่) นั่นคือคำสั่งเสียสุดท้ายของแม่ราชินี
และเธอก็ทำเช่นนั้น
ราชินี จึงเป็นเพียงผลกระทำอันโหดร้ายจากสังคม ที่แสดงออกมาเป็นรูปธรรมเท่านั้น
เธอคือสิ่งนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ความล้มเหลวของเธอก็ยังมาจากน้องชายอีกเช่นกัน
ราคะของน้องชายราชินีทำทำให้สโนไวท์หลุดรอดไป
การไม่รู้จักระงับโทสะ ที่ส่งผลให้นายพรานเลือกที่จะช่วยสโนไวท์แทนจับเธอส่งคืนราชินี
ส่วนสโนไวท์ เป็นตัวอย่างชนชั้นสูงที่ได้รับผลกระทบจาก รูปธรรมอันโหดร้ายจากสังคม
แต่ราชินีนั้นยังคงมีจิตใจส่วนหนึ่ง จิตใจด้านบริสุทธิ์ ที่ยังพอหลุดพ้นจากการกดขี่ทางสังคมที่ทำร้ายจิตใจอันดีงามจนบอบช้ำ
เธอจึง สั่งให้ขังเด็กสาวสโนไวท์เท่านั้น เธอ ฆ่าไม่ลง
นั่นคือส่วนดีงามจากจิตใจอันบอบช้ำที่ยังพอหลงเหลืออยู่
ในเรื่องนี้หากจะมองว่ามีใครผิด
จริงๆแล้วไม่มีใครผิดเลย ราชินิไม่ใช่ตัวร้าย
แต่สังคมต่างหากที่เป็นตัวร้าย
สังคมที่สร้างกรอบให้ผู้หญิงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับ
การให้คุณค่าในสิ่งที่ย่อมมีวันโรยราย นั้นไม่ใช่เรื่องที่ยุติธรรมสำหรับผู้หญิงเลย
แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า "ในเทพนิยาย" มักเป็นแบบนั้น
และนี่คือเทพนิยาย
ความปวดร้าวของผู้หญิง คุณค่าทางภายนอก และผลกระทบกับผู้หญิง
บางครั้งความสวยงาม ก็มีหลายด้าน เทพนิยาย เรื่องราวดุจความฝันเองก็มีด้านมืดที่เราอาจมองไม่เห็น
และฉันเพิ่งพบมันวันนี้
เส้นด้าย สีรุ้ง
https://www.facebook.com/rainbowdamit